กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู(Pyu Ancient
Cities) :มรดกโลกแห่งแรกของพม่า
จากหลักฐานที่พบ จึงนับได้ว่าชนชาติพยูเป็นชนชาติที่มีความสำคัญในการวางรากฐานงานสถาปัตยกรรมให้กับผู้คนยุคหลังของพม่าเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมอินเดียนำมาปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม วิถีชีวิตของตนอย่างเหมาะสม ปัจจุบัน ทั้งศรีเกษตร เปียทะโนมโย และเมืองหะลินยี แทบจะไม่หลงเหลือความยิ่งใหญ่ในอดีตอีกแล้ว เหลือแค่เพียงซากปรักหักพัง ของโบราณสถาน ซึ่งไม่มีการจัดการที่ดี
อย่างไรก็ตามสิ่งที่หลงเหลืออยู่ ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต และต่อจากนี้คงจะได้รับการดูแลที่ดีขึ้น จากยูเนสโก้ และประเทศพม่าเอง ในฐานะเมืองมรดกโลกอายุเก่านับพันปีที่จะเป็นสมบัติของคนทั้งโลกและต้องช่วยกันดูแลรักษาสืบต่อไป โดยในแต่ละปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวมาเยือนที่นี่มากกว่า 60,000 คน และเมื่อได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วแน่นอนว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชมความงดงามของมรดกโลกแห่งแรกของพม่ามากขึ้น
อ้างอิง
กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู (Pyu
Ancient Cities) ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งแรกของเมียนมาร์
โดยรวมไปถึงพื้นที่ของเมืองโบราณศรีเกษตร (Sri Ksetra) เปียทะโนมโย (Peikthanomyo) และหะลินยี (Halingyi) ที่สร้างขึ้นในยุคเดียวกัน ในราวพุทธศตวรรษที่ 4 เมืองเก่าพยูของชนชาติพยู
ตั้งหลักแหล่งมาเนิ่นนานอยู่ที่ลุ่มแม่น้ำอิรวดี มีอายุประมาณ 1,000 ปี โดยมีสิ่งที่หลงเหลืออยู่ได้แก่ ซากพระราชวัง
เจดีย์ กำแพงอิฐ พระพุทธรูป และสุสานโบราณ
ภาพจาก : http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000007299301.JPEG |
ชาวพยู
เป็นชนชาติดั้งเดิมที่มาตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนชาวพม่า มีอาชีพหลักในการทำเกษตรกรรม
บริเวณถิ่นฐานที่ชาวพยูตั้งอยู่นั้นมีลักษณะเป็นที่ราบสูง ถึงแม้จะมีแม่น้ำไหลผ่าน
แต่ในหน้าร้อนก็แห้งเหือด
แต่ชาวพยูก็มีความสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายได้ โดยการทำวิธีการผันน้ำจากแม่น้ำอิรวดีและแม่น้ำสายรอง
เข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำเกษตรกรรม และยังมีการขุดคูคลองรอบๆ เมือง
พร้อมอ่างเก็บน้ำ เพื่อไว้ใช้น้ำในยามหน้าแล้ง เมื่อมีความเจริญมากขึ้น
ชาวพยูรวมกันสร้างอาณาจักรขนาดใหญ่ขึ้นมา มีชื่อว่า “อาณาจักรศรีเกษตร” อาณาจักรศรีเกษตรเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่
ขนาดกว้างขวาง กินพื้นที่เกือบทั้งหมดของลุ่มน้ำอิรวดี โดยอาณาจักรศรีเกษตรนี้
ได้รับอิทธิพล ในเรื่องของภาษา ศิลปะ สถาปัตยกรรม และ
พระพุทธศาสนาจากประเทศอินเดีย โดยสันนิษฐานว่าชื่อเมืองศรีเกษตร
อาจได้มาจากชื่อเมืองโบราณในอินเดีย คือเมืองปุรี ในแคว้นโอริสสา
เมืองศรีเกษตรปัจจุบันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองแปร นอกจากนี้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันยังพบหลักฐานการก่อตั้งชุมชนของชาวพยูในเมืองเบคถาโนซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองพุกามประมาณ 100 กิโลเมตร และเมืองฮาลินอยู่ทางทิศเหนือของเมืองมัณฑะเลย์ ก่อนที่จะเสื่อมไป เนื่องจากถูกกลุ่มคนไตจากน่านเจ้ายกกองทัพลงมาตีและกวาดต้อนผู้คนชาวพยูไปอยู่ที่เมืองจาตุง ตอนใต้ของจีนบริเวณเมืองคุณหมิงปัจจุบัน
เมืองศรีเกษตรปัจจุบันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองแปร นอกจากนี้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันยังพบหลักฐานการก่อตั้งชุมชนของชาวพยูในเมืองเบคถาโนซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองพุกามประมาณ 100 กิโลเมตร และเมืองฮาลินอยู่ทางทิศเหนือของเมืองมัณฑะเลย์ ก่อนที่จะเสื่อมไป เนื่องจากถูกกลุ่มคนไตจากน่านเจ้ายกกองทัพลงมาตีและกวาดต้อนผู้คนชาวพยูไปอยู่ที่เมืองจาตุง ตอนใต้ของจีนบริเวณเมืองคุณหมิงปัจจุบัน
![]() |
ภาพจาก : http://1.bp.blogspot.com/-v7-33OR5dDs/U-ZWYlI/AAAAA6g/rcgWMPys_SE/s1600/01-Pyu3.png
|
หลักฐานทางสถาปัตยกรรมของชาวพยู
ซึ่งเชื่อว่าเป็นรากฐานของงานสถาปัตยกรรมของชนชาติพม่า พบที่เมืองศรีเกษตร ได้แก่
เจดีย์ขนาดใหญ่แบบก่อตัน เป็นเจดีย์ทรงระฆังชื่อว่าเจดีย์บอบอจี (Bawbaw
Gyi) และเจดีย์ปะยาจีย์ (Pya Gi)
ซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นแบบให้กับงานสถาปัตยกรรมของพม่าในยุคต่อ
ๆ มา ได้แก่ เจดีย์ชเวดากอง มิงกาลาเจดีย์ เจดีย์ธรรมยันสิกะ และเจดีย์วิหาร เป็นสิ่งก่อสร้างจากอิฐที่มีลักษณะรวมกันระหว่างเจดีย์ก่อตันและอาคาร(วิหาร)
ที่เข้าไปใช้สอยพื้นที่ภายในในการประกอบพิธีกรรมได้ เจดีย์วิหารที่สำคัญ ได้แก่
วิหารเบเบจี (Bebe Gyi) และวิหารเลเมียทนา (Limyethna) อาคารลักษณะนี้เชื่อว่าพัฒนาไปเป็นเจดีย์วิหารที่มีขนาดใหญ่ในสมัยพุกามต่อมา
นอกจากนี้ยังพบหลักฐานงานประติมากรรมที่ทำจากหินสลัก ประติมากรรมดินเผา
ซึ่งพบว่าเป็นดินชนิดเดียวกับอิฐที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารและเจดีย์
ประติมากรรมสำริด โดยมีการพบหลักฐานชิ้นสำคัญคือ
ประติมากรรมสำริดกลุ่มนักดนตรีและนักเต้นรำ โดยที่ท่ารำนั้นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับอารยธรรมอินเดียอย่างใกล้ชิด
![]() |
ภาพจาก : https://travel.mthai.com/app/ads/2014/06 /140387123418-o-300x200.jpg |
![]() |
ภาพจาก : https://travel.mthai.com/app/ uploads/2014/06/140123384-o-300x200.jpg |
จากหลักฐานที่พบ จึงนับได้ว่าชนชาติพยูเป็นชนชาติที่มีความสำคัญในการวางรากฐานงานสถาปัตยกรรมให้กับผู้คนยุคหลังของพม่าเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมอินเดียนำมาปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม วิถีชีวิตของตนอย่างเหมาะสม ปัจจุบัน ทั้งศรีเกษตร เปียทะโนมโย และเมืองหะลินยี แทบจะไม่หลงเหลือความยิ่งใหญ่ในอดีตอีกแล้ว เหลือแค่เพียงซากปรักหักพัง ของโบราณสถาน ซึ่งไม่มีการจัดการที่ดี
อย่างไรก็ตามสิ่งที่หลงเหลืออยู่ ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต และต่อจากนี้คงจะได้รับการดูแลที่ดีขึ้น จากยูเนสโก้ และประเทศพม่าเอง ในฐานะเมืองมรดกโลกอายุเก่านับพันปีที่จะเป็นสมบัติของคนทั้งโลกและต้องช่วยกันดูแลรักษาสืบต่อไป โดยในแต่ละปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวมาเยือนที่นี่มากกว่า 60,000 คน และเมื่อได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วแน่นอนว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชมความงดงามของมรดกโลกแห่งแรกของพม่ามากขึ้น
อ้างอิง
travel.mthai
(2556). มรดกโลกในเมียนมาร์
1 : เมืองโบราณอาณาจักรพยู มรดกโลกแห่งแรกของพม่า [ระบบออนไลน์]. จากhttps://travel.mthai.com/world-travel/87302.html
สืบค้นเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2560
สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัทธยาศัยภาคเหนือ
(2558). มรดกโลกในเมียนมาร์
1 : กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู [ระบบออนไลน์]. จาก http://aseannotes.blogspot.com/2014/08/blog-post_9.html
สืบค้นเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2560
นิพนธ์ วัฒนประเสริฐ สขร./สปข.4 (2558). เมืองโบราณอาณาจักรพยู
มรดกโลกแห่งแรกของพม่า: [ระบบออนไลน์]. จาก http://ewt.prd.go.th/ewt/region4/ewt_news.php?nid=58425&filename=index/FORTICLIENT_CONTINUE สืบค้นเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2560
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น